ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์มีก่ีประเภท และแตกต่างกันอย่างไร?
ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์มีกี่ประเภท และแตกต่างกันอย่างไร?
การขนส่ง
ความรู้ธุรกิจ
ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ของไทยมีกี่ประเภท และแตกต่างกันอย่างไร WeMove มีคำตอบให้ผู้ขับขี่ทุกคน เพื่อให้ได้รับใบอนุญาตขับขี่ถูกต้องตามกฎหมาย และถูกต้องตามประเภทรถที่ใช้งาน

ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์มีกี่ประเภท

ใบอนุญาตขับขี่ ถือเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับทุกคน เนื่องจากเป็นตัวที่บ่งบอกว่าเราสามารถขับขี่รถยนต์โดยได้รับอนุญาตตามประเภทรถนั้น ๆ หากขับขี่โดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ จะได้รับโทษตามกฎหมาย โดยระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังเสียสิทธิ์จากการได้รับความคุ้มครองจากประกันภัยที่เกี่ยวกับรถอีกด้วย

ประเภทของใบอนุญาตขับขี่รถยนต์

ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่

  1. ประเภทส่วนบุคคล (บ.)

    ใบอนุญาตขับรถประเภทส่วนบุคคล ใช้สำหรับรถในการขนส่งส่วนบุคคล รถที่มีแผ่นป้ายทะเบียนสีขาว ตัวหนังสือสีดำ

  2. ประเภททุกประเภท (ท.)

    ใบอนุญาตขับรถทุกประเภท ใช้สำหรับรถสาธารณะ รถที่มีแผ่นป้ายทะเบียนสีเหลือง ซึ่งใบอนุญาตขับรถทุกประเภทนั้น สามารถใช้ทดแทน ใบอนุญาตขับรถประเภทส่วนบุคคลได้ และใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถสาธารณะตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ได้

ชนิดของใบอนุญาตขับขี่

ใบขับขี่ชนิดนี้ สำหรับผู้ที่ทำใบขับขี่ครั้งแรก โดยจะมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าใบขับขี่แบบทั่วไป ซึ่งสามารถแยกย่อยออกไปได้อีก 3 ประเภท คือ ใบอนุญาตขับรถยนต์ชั่วคราว, ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อชั่วคราว และใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว ซึ่งทั้ง 3 ประเภทนี้มีอายุการใช้งาน 2 ปี ผู้ที่ได้รับอนุญาตขอรับใบขับขี่ต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป

  1. ใบอนุญาตขับขี่รถชนิดชั่วคราว

    ใบขับขี่ชนิดนี้ สำหรับผู้ที่ทำใบขับขี่ครั้งแรก โดยจะมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าใบขับขี่แบบทั่วไป ซึ่งสามารถแยกย่อยออกไปได้อีก 3 ประเภท คือ ใบอนุญาตขับรถยนต์ชั่วคราว, ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อชั่วคราว และใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว ซึ่งทั้ง 3 ประเภทนี้มีอายุการใช้งาน 2 ปี ผู้ที่ได้รับอนุญาตขอรับใบขับขี่ต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป

  2. ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคค

    ใบขับขี่ชนิดนี้จะได้รับหลังจากใบขับขี่ชั่วคราวหมดอายุลงแล้ว ในการขอต่ออายุใบขับขี่ชนิดนี้จะสามารถต่ออายุใบอนุญาตไปได้อีก 5 ปี โดยใบขับขี่รถยนต์ทั่วไป สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ ใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล อายุการใช้งาน 5 ปี ใบขับขี่รถยนต์สาธารณะ อายุการใช้งาน 3 ปี

  3. ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อส่วนบุคคล

    สำหรับรถยนต์สามล้อที่ใบอนุญาตขับขี่ชั่วคราวได้หมดอายุลง หากต่ออายุการใช้งานใบอนุญาตจะได้รับใบขับขี่แบบใช้งานได้ยาว ๆ เลยทีเดียว โดยใบขับขี่รถยนต์สามล้อจะมีอายุการใช้งาน 5 ปี

  4. ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ

    ใบอนุญาตประเภทนี้ออกให้ผู้ที่ประกอบอาชีพขับรถยนต์ขนส่งสาธารณะ หรือแท็กซี่ โดยต้องมีใบขับขี่ชั่วคราวมาแล้ว 1 ปี หรือมีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลอยู่แล้ว และต้องมีอายุครบ 22 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป

  5. ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อสาธารณะ

    เป็นใบอนุญาตของผู้ที่ประกอบอาชีพขับรถยนต์สามล้อสาธารณะ หรือรถตุ๊กตุ๊ก โดยจะต้องมีใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อส่วนบุคคลมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปีหรือตลอดชีพ และต้องมีอายุครบ 22 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป อายุการใช้งาน 3 ปี

  6. ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล

    สำหรับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ก็เหมือนกันของรถยนต์ที่หากใบอนุญาตชั่วคราวหมดอายุลงแล้ว สามารถต่ออายุเพื่อรับใบอนุญาตใหม่ที่มีอายุการใช้งานที่นานขึ้น โดยมีอายุการใช้งาน 5 ปี

  7. ใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ

    สำหรับใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ หรือวินมอเตอร์ไซค์ จะต้องได้รับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ชั่วคราวมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือมีใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลอยู่แล้ว และต้องมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป มีอายุการใช้งาน 3 ปี

  8. ใบอนุญาตขับรถบดถนน

    สำหรับผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถบดถนนนี้ ต้องผ่านการอบรมตามหลักสูตรพิเศษที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถขับรถบดถนนที่มีอันตรายสูงได้อย่างปลอดภัย ใบขับขี่ประเภทนี้มีอายุการใช้งาน 5 ปี

  9. ใบอนุญาตขับรถแทรกเตอร์

    สำหรับผู้ที่ขอรับใบอนุญาตขับรถแทรกเตอร์เพื่อใช้ในงานเกษตรกรรม จะต้องมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ ขึ้นไป มีอายุการใช้งาน 5 ปี

  10. ใบอนุญาตขับรถชนิดอื่น

    เป็นใบอนุญาตขับรถอื่น ๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมาทั้งหมด โดยมีอายุการใช้งาน 5 ปี

  11. ใบขับขี่สากล

    ผู้ที่สามารถขอรับใบขับขี่สากลได้นั้นจะต้องมีใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลชนิด 5 ปี หรือตลอดชีพ สามารถยื่นขอทำใบขับขี่สากลได้เลยโดยมีอายุการใช้งาน 1 ปี

สำหรับการขับขี่รถทุกประเภทบนท้องถนนจะต้องมีใบอนุญาตขับขี่ที่ออกโดยกรมการขนส่งทางบก โดยใช้ให้ถูกต้องกับประเภทรถที่ใช้งาน หากพบว่าใช้งานใบอนุญาตขับขี่ผิดประเภทจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฏหมายหากไม่สะดวกขับขี่รถยนต์หรือไม่มีใบอนุญาตสามารถใช้บริการรถบรรทุกส่งของของบริษัทขนส่งของที่มีความน่าเชื่อถือเพื่อจัดส่งของของท่านให้ถึงที่หมายอย่างสมบูรณ์และปลอดภ

บทความอื่นๆ

ทั้งหมด
การขนส่ง
การศึกษา
ความรู้ธุรกิจ
ไลฟ์สไตล์
ไม่พบรายการข่าวสาร